เรื่องน่ารู้เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์ของคุณ
1.
ตรวจเช็คระบบปรับอากาศรถยนต์ของคุณทุกๆ 3-6 เดือนจากร้าน/ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน
2.
ควรหมั่นสังเกตระบบแอร์รถยนต์ของคุณด้วยตนเอง หากแอร์ในรถของคุณความเย็นเริ่มลดลงให้สันนิษฐานว่า
อาจมีการรั่วของน้ำยาแอร์ หรือท่อต่างๆ
ในระบบอุดตัน ให้รีบนำรถของคุณเข้าตรวจเช็คโดยด่วน
3.
ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12 หรือระบบ R-134a กันแน่
เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์
4.
อย่าผสมน้ำยาแอร์ระบบ R-12 และ R-134a เข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้ระบบแอร์รถยนต์ของคุณเสียหายได้
5.
น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้
6.
หากคุณไม่แน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบ R-12 หรือ R-134a ให้คุณเปิดตรวจเช็คจากห้องเครื่องที่กระโปรงรถของคุณ
โดยดูที่หัวเติมน้ำยาแอร์ ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็นแบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ
R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค
7.
จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี
พ.ศ. 2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a (ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี
พ.ศ. 2539)
8.
การรั่วซึมในระบบแอร์รถยนต์ อาจเกิดจากการหมดอายุการใช้งานของอะไหล่ได้
9.
หากคุณต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยติดๆกันในเวลา 3 เดือน อาจเกิดการรั่วในระบบแอร์ของคุณเข้าแล้ว
10.
ระมัดระวังอย่าใช้น้ำยาแอร์ที่ติดไฟได้
ที่มา : เอกสารเผยแพร่ หน่วยอนุรักษ์โอโซน สำนักงานควบคุมวัตถุอันตราย
กระทรวงอุตสาหกรรม
ปัญหาเกี่ยวกับแอร์ไม่เย็น
อาจมีสาเหตุมาจากหลายประการ แต่โดยมากเกิดจากสาเหตุหลักๆดังนี้
- น้ำยาแอร์น้อยโดยเกิดการรั่วซึมในจุดต่างๆเช่น คอยล์เย็น,ท่อทางเดินน้ำยาเป็นต้น
- คอมส์แอร์ไม่ทำงาน อาจเกิดจากชุดคลัชเสื่อมคุณภาพหรือเกิดจากระบบไฟฟ้าที่จ่ายไฟมายังชุดคลัชคอมเพรสเซอร์เป็นต้น
- พัดลมแอร์ไม่ทำงาน ซึ่งมีทั้งพัดลมระบายความเย็นในห้องโดยสาร และพัดลมระบายความร้อนที่แผงคอนเดนเซอร์
การบำรุงรักษาและการตรวจเช็ค
ปัญหาเกี่ยวกับแอร์รถยนต์มักเกิดขึ้นหลังจากติดตั้งแอร์ไปแล้วเกิน 2 ปี เช่นบางครั้งแอร์ไม่เย็น เย็นเป็นช่วงๆ ทั้งนี้อาจเกิดจากวงจรเริ่มสกปรก น้ำยาแอร์น้อยกว่ากำหนด ควรตรวจและทำความสะอาดบริเวณต่างๆดังนี้
1. ทำความสะอาดภายนอกทุกส่วน เช่น ที่คอยล์ร้อน โดยเฉพาะบริเวณครีบระบายความร้อน ควรสะอาด เพราะถ้าคอยล์ร้อนสกปรกจะทำไห้การระบายความร้อนไม่ดี
2. เช็คปริมาณน้ำยาแอร์โดยการดูที่ช่องกระจกที่ตัวเก็บและดูดความชื้น(ไดเออร์) ว่ามีลักษณะเป็นฟองอากาศหรือไม่ ถ้าพบว่าเป็นฟองอากาศแสดงว่าน้ำยาน้อยเกินไป อาจเกิดจากการรั่วซึมทำให้นำยาลดลง ควรนำรถไปให้ช่างตรวจเช็ค
3. ตรวจดูว่ามีรอยรั่วของข้อต่อต่างๆหรือไม่ หากมีการรั่วจะพบคราบน้ำมันเกาะอยู่บริเวณที่มีการรั่วซึม หรือใช้น้ำสบู่หรือฟองสบู่เช็ดตามข้อต่อต่างๆ หากเกิดการรั่วซึมจะพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้นให้ทำการแก้ไข
4. ตรวจฝาปิดเซอร์วิสวาวล์ทั้งสองด้าน(HและL)ว่ามีหรือปิดสนิทหรือไม่ ถ้าปิดไม่สนิทจะทำให้มีฝุ่นเกาะติด หากมีการชาร์จน้ำยาครั้งต่อไปจะทำไห้น้ำยาแอร์สกปรกอาจทำไห้ระบบอุดตันได้
|